Movie of December 2010 part 2

Part 2 เป็น 5 เรื่อง ที่ดูอย่างรวดเร็วมาก

1.The Davinci Code (2006)



อะไรก็ตามแต่ ที่มาจากหนังสือล้วนด้อยกว่า 90% ที่ชอบคงเป็น Tom กะ Audrey Tautou ก็เพลินดี

7.0

2.Little Buddha (1993)



เรื่องนี้เป็นรอบที่ 2 รอบแรกนั้น จำไไม่ผิด ดูสึกจะได้ดูจากในช่อง 7 ผมว่าเกือบจะดี แล้วเพียงแต่ ตอนที่เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้า สั้นไปนิดและจบแบบงงๆ อ้าว ตรัสรู้ แล้วไงต่อปิรินิพพานละ ถ้ามีต่ออีก ตรงจุดนี้คิดว่า คงจะประทับใจและได้อะไรอีกเยอะ ปีหน้าเริ่มใหม่ว่าจะไปหา The Last Emperor มาดูอีกด้วยดีกว่า (เจ้าของเดียวกัน)

7.5


3.Eat Pray Love (2010)



ดูได้ 30 นาที ก็ขอเปลี่ยนไปโดยปริยาย ยอมรับเลยครับว่า ยากที่จะเข้าถึงตัวแกมาก เรื่องราวผู้หญิงสตรีวัยทอง ก็ยังงี้แระครับ

----


4.The Cars (2006)



ถ้าเทียบผลงาน เรื่องอื่นๆ ของค่ายนี้ The Cars เป็นเรื่องที่อ่อนที่สุด จนคิดว่าไม่อยากให้มีภาคต่อ และก็อยากให้มี อีกเช่นกัน เพราะถ้าได้แก้ตัวด้วย ภาคต่อ มันต้องมี อะไรที่ชนะใจคนดู ได้อยู่หมัด เลยทีเดียว

6.5

5.Predators (2010)



Adrien Brody พระเอก เปียโนของเราไปไล่จับคิงคองก็แล้ว สัตว์ประหลาด และมนุษย์กลายพันธ์ุ อีกด้วย อย่าไปยุ่งกะสิง สา ลา สัตว์เลยครับ กลับมา ท็อปฟอร์ม ดีกว่า นึกจะมาก็มา ก็จะตายก็ตาย

5.0

Movie of December 2010 part 1

ส่งท้ายปีเก่า สำหรับเดือนสุดท้ายของปีนี้ ด้วยหนัง 5 เรื่อง 5 รส บทจะดูก็ดูเยอะ บทจะไม่ได้ดูก็ไม่ได้ดูเลย เหอะๆ.....

1. The Runaways (2010)



ว่าด้วยชีวประวัติเรื่องราว ของวงดนตรีสาวล้วน The Runaways ชื่อดังยุค 70
Sex / Drug / ตามแบบฉบับของ Rock 'n Roll ในช่วงสมัยนั้น และไม่น่าเชื่อว่านางเอกแวมไพร์ ทไวไลท์ ของเอ็ดเวิร์ด จะสวมบทบาท Joan Jett ได้อย่างผิดหูผิดตา ดูแทบไม่เหลือ อารมณ์นั้นให้ติดตาเลย

7.5

2. Salt (2010)



MI 1 / MI 2 / 007 / และหนังสายลับจารชนทั้งหลาย ถ้าชอบก็ดูสนุกครับ

6.0

3. Machete (2010)



จากหนังตัวอย่างที่เราเคยได้ดูกันไปใน เรื่อง Planet Terror (2007) 1ในโปรเจค หนังควบ grindhouse ระเบิด ภูเขา เผา กระท่อม ฉาก Sex โจ๋งครึ้ม เลือดเป็นเลือด ล้างแค้น หักเหลื่ยม โหด ในบทหรือเนื้อเรื่อง อย่าได้ไปสนใจ แต่ที่น่าสนใจเป็นในเรื่องของ Art Direction มันส์ๆ บวกกะพลังและหน่วยก้านของตา Machete (Danny Trejo) 2 ชม. เพลินๆ ดี ปล. อาจจะมีถึง 3 ภาคด้วยกัน โปรดติดตาม

7.5

4. กวน มึน โฮ (2010)



บางฉาก บางตอนดูคลุมเครือ ไม่ make sense ขายโลเคชั่น เพลงประกอบ อารมณ์ วัยรุ่น อกหัก ตามสไตล์ของ GTH แต่ถ้ามองในมุมของหน้าหนัง ด้านงานออกแบบสิ่งพิมพ์ Poster แล้วก็รู้สึกประทับใจและ Art Direction แลดูสวยงาม ทำให้นึกถึงงานของศิลปินชาว Berlin คนนึง jan von holleben งานสนุกสนาน ไม่แพ้ กวน มึน โฮ บ้านเราครับ

5.0

5. The Social Network (2010)



ค่อนข้าง แปลกใหม่สำหรับ ผกก คนนี้ David Fincher
หนังดูสนุก แต่ดูแล้วไปค่อย เหมือน David Fincher ทำอย่างที่ผ่านๆมา จากที่เราเคยดู Fight Club / Sev7en / The Curious Case of Benjamin Button / Zodiac ดูแล้วคิดถึง หนังจีนตอนดึกๆ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด แต่ภาครวมออกมา ชวนติดตาม และ นักแสดงเล่นได้ดูสมจริง น่าเชื่อดี หากยังไม่เคลียร์จากหนัง เมื่อผมก็ลองไปหา หนังสือที่ชื่อว่า The Accidental Billionaires โดย BEN MEZRICH ซึ่งได้แปลเปนภาษาไทยแล้ว โดยใช้ชื่อว่า แบบว่า...บังเอิญรวย ISBN : 9789740207023

8.5

ยังมีดองอยู่อีก 2 เรื่อง Grown ups / Eat Pray Love ดูเยอะจริงจัง เดือนนี้ ดูจากวันหยุดแล้ว สงสัยจะมากกว่า 10 เรื่อง

Free Public Transport

หลายๆ อาทิตย์ก่อนได้ติดตามรายการนึง ชื่อว่า หนังพาไป ช่อง THAIPBS สนุกดีครับ เป็นเรื่องของคนสองคน งบน้อยๆ เดินทางไป ตปท. ถ่ายทำหนังสั้น หนังสารคดี ดูๆ แล้วก็เหมือน กับรายการทัวร์ Backpacker ทั้วๆไป แต่ที่ติดใจ คงจะเป็นเรื่องของคนดำเนินรายการ สองคนนี้ทีเ่ป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด แล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10/10/10 (บังเอิญจริงๆ) ในช่วงนึงของหนังได้พูดเรื่องราวของระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าใต้ดิน ในประเทศแถบยุโรป ซึ่งเราจะเห็นประชาชนส่วนไม่น้อย ต่างเลี่ยงที่จะเสียค่าโดยสาร แอบข้ามแผงกั้นฟรีๆ บ้างแหละ เสียคนเดียว เข้าสองคน บ้างแหละ แอบไปเข้าทางออกบ้างแหละ แต่ก็ดูแล้วเป็นเรื่องปกติของบ้านเมือง เค้าเลยทีเดียว จนเมื่อใดก็ตามแต่ที่ เจ้าหน้าที่จับได้ ก็จะมีกลุ่มคน กลุ่มนี้แหละครับ ที่เข้าช่วยเหลือประกันตัวออกมา ทุกครั้งไปไม่ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นผิดอยู่ก็ตาม......ด้วยเหตุผลอะไรละ ? ทำไมละ ? ถึงยังช่วยคนผิด.....ก็ด้วยเหตุผลที่คนกลุ่มนี้ เค้าคิดกันว่า ในเมื่อเค้าภาษีให้รัฐบาลแล้ว ทำไมเค้ายังต้องเสียภาษีี เป็นต่อที่ 2 ให้กับค่าโดยสารด้วยละ แล้วเงินที่เสียไปกับพวกตู้หยอดเหรียญซื้อตั๊ว, เครื่องเปิด เข้า ออก, และต่างๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง.....เฮ้อออ......อยากให้ระบบขนส่งบ้านเราดีกว่านี้จริงๆ



อินเดียเค้าท่าทางจะมันส์กว่าเราอีกเนอะ

เพิ่มเติม Free Public Transports
เพิ่มเติม บ่นต่มาจาก Click

Movie of February 2010

ไปเช่าหนังมาดู 5.5 เรื่อง แถมมาอีกหนึ่ง เป็น 6

1. The Hurt Locker
ถูกใจใช่เลย ดูแล้วกดดัน อึดอัดดี ชอบๆ ปล. ชอบฉากนีมากๆ แบบในโปสเตอร์นี้เด๊ะเลย



2. The Imaginarium of Doctor Parnassus หนังเรื่องสุดท้ายของ Heath Ledger อันนี้ก็ดู ไปได้ครึ่งนึง ไม่จบ แต่เดี้ยวจะกลับมาดูใหม่ ดำเนินเรื่อง อืดๆ ไปนิดแต่ก็ดูแล้วหลุดๆ ลอยๆ ดี อีกครึ่งนึงที่เหลือ น่าจะเข้ารูปเข้ารอย



3.Control ดูแล้ว ดูอีก เช่ามาดูเล่นๆ งั้นๆ ปลุกไฟ ขึ้นมาจับกีต้าร์เล่นอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย ไม่ค่อยอินกะวง Joy Division นี้เท่าไร ดูความเท่พอ



4. Last Days เพราะชอบ Nirvana เลยต้องดู แต่ยังไม่ได้ดู ดองไว้ก่อน



5. Where the Wild Things Are เหมือนกันของดองก่อน



5.5 CHE ต้องดูให้ได้ด้วยประการ ทั้งปวง แต่ก็ดูจบไปครึ่งนึง มาพร้อม DVD 2 แผ่น มาราธอน ถ่างตาดูกันตาแฉะแน่ แต่ก๋จบไป แผ่นแระ เดี้ยวตามมาเก็บอีกครึ่ง โคตรเท่ ชอบมากทั้งเนื้อหา และภาพ



6. 500 Days of Summer โดน ด้วยประการทั่งปวง เรื่องนี้เปน อีกเรื่อง ที่โหลด soundtrack มาฟังก่อนดูหนัง แล้วพอดูหนังจบ ก็กลับมาฟัง soundtrack อีกรอบ ชอบเข้าไปอีก สำหรับสาวก The Smiths คงโดนใจนิดๆ

Movie of December 2009

หยุดสองวันได้หนังมาสี่เรื่อง ชอบโปสเตอร์ทั้งสี่เรื่อง

1. หนังเชิงสารคดีของ ผกก. Gary Hustwit เจ้าของผลงาน Helvetica (film) เมื่อสองปีก่อน ดูไปแระ ครึ่งแผ่น เดี้ยวตามเก็บอีกรอบ

2. เคยดู ตย.​หนังใน เว็บ Apple น่าจะสนุก (ยังไม่ได้ดู เดี้ยวดองไว้ก่อน) (แถมโปสเตอร์สวย)


3.เอาไป C+ ผิดหวังไปเยอะ แต่ก้ชอบ ตอนจบดี ดูไม่ดิ้นรน เป็นไปตามวิธี ที่ควรจะเป็น


4. Inglourious Basterds ดูไปได้ Chapter 2 ตามสไตล์ Tarantino กระชากใจช่วงท้ายของ Chapter (ชอบโปสเตอร์อีกแล้ว แต่เดี้ยวจะดูต่อที่เหลือ ยังไม่จบเหมือนกัน) หลังจาก วางไปนานไม่ได้ดูต่อ แต่เมื่อชมจบแล้ว A+ ผู้หมวด ALDO และ ผู้พันหน่วย SS หลากหลายรส แต่ไม่มั่ว สนุกชะมัด กระชากดีครับ แต่แอบน้อยใจ บนบาทนางเอกก็ไม่น้อยนะ แต่โดนแย่งซีนไปหมด

Movie of September 2009

หนังเอเลี่ยน(เชิงสารคดี) ที่ดีที่สุดตั้งแต่ได้ดู(หนังเอเลี่ยน)มา ถ้าชอบแบบไซไฟ แอคชั่น บู๊ ยิงกันสั่นจอ พระเอกไม่ยอมตายง่าย บุกยึดโลก คอมพิวเตอร์กราฟฟิค อลังการงานสร้าง อย่าไปดู แต่ถ้าอยากดูหนังเอเลี่ยน ไซไฟ สะท้อนสังคม การแบ่งชนชั้น กดดัน ดราม่า หรือชอบอาหารแมว ไปดูเลย
ปล.ดูแล้วได้ความรู้สึกยังกะดู Black Hawk Downไงไม่รู้

ปิดท้ายด้วยภาพบางมุมของบ้านเรา ไม่ต่างจากบ้าน(เอเลี่ยน)เค้าเลย

Nymph Book

ตั้งใจจะไปซื้ออิคิงามิ เล่ม 5 กะ Cross Game มาอ่าน เลือบๆ ไปเห็นไรขาวๆ แว่บๆ เลยได้ป่าเขาใหญ่กลับมาที่บ้าน

Movie of July 2009

วันเสาร์ผ่านมาได้มีโอกาส ดูหนัง 2 เรื่อง ควบแบบไม่ติดๆ
เรื่องแรก City of Men (นอนดูที่บ้าน) 7.5 ชอบ City of God มากก่า
เรื่องสอง Cape No.7 (นั่งดูที่House) 10++ สาวไต้หวันสาวกว่า เกาหลี ญี่ปุ่นเปนไหนๆ เห็นพระเอกแล้วคิดถึงเคนจิใน 20 century boy

มันก้บ้านทั้งสองเรื่องนี้ว้า แต่ต่างตรงที่ท่าทางและลีลาในการดู



ว่าด้วยเรื่อง เพื่อนผอง น้องพี่ และหุบเขา



ว่าด้วยเรื่อง สำนึกรักบ้านเกิด และดนตรี

Jimmy Page / The Edge / Jack White

มันเป็นเรื่องของ Guitar Hero 3 ยุคเค้า บังเอิญไปเจอในเว็บ Trailer เรื่องนี้เข้าให้
ในโป๊ะแรกที่เข้าตา แน่นอน Poster Guitar 3 ตัววางเท่ๆ ดูร็อคๆ
โป๊ะสองที่ทำให้เบ้าตาทะลุ แน่นอน Jimmy Page Led Zeppelin guitarist (ยุคนี้ไม่ทันหรอกครับ ฟังจากที่ล่ำลือกันมา และอาศัยโหลดๆ มาฟัง)
โป๊ะสามตาที่ทะลุกลิ้งออกมา เด้งเข้าไปในเบ้าใหม่ The Edge U2
โป๊ะสี่ Jack White (ไผวะ ไม่คุ้นชื่อ ลองตามหาข้อมูล ฟังมันดูละกัน คงไม๋ธรรมดา)



Director:Davis Guggenheim
จากหนังสารคดีเรื่อง An Inconvenient Truth (2006) เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
และเรื่องนี้ ก้คงจะเป็นยังนั้นเช่นกัน It Might Get Loud โป๊ะ

NEW YORK vs PARIS

ผลงานบอกรักมหานครนิวยอร์กกับ 12 ผู้กำกับ ชื่อดัง ที่นำเหล่าดารา นักแสดงเกือบๆ 27 ตน
อย่าง ออแลนโด้ บลูม, นาตาลี พอตแมน, เชียร์ ลาเบิฟ, เฮนเดน คริสเตนเซ่น, ซูฉี, แม็กกี้ คิว, คริส คูปเปอร์ มาบอกรักนิวยอร์กร่วมกัน (เอาดารามาล่อนี้ว้า)

เหมือนเกิ๊นนนน